การบำรุงผิวด้วยครีมธรรมดาคงไม่พอสำหรับการทำให้ผิวสวยแล้วล่ะค่ะ ถ้าใครอยากจะมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง กระจ่างใส และเรียบเนียน ก็ต้องหมั่นทำสครับผิวควบคู่ไปกับการทาครีมด้วยนะคะ ซึ่งการทำสครับผิวนั้นก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองและทำได้ที่บ้านแบบไม่ยุ่งยากเลยค่ะ โดยเฉพาะ สครับผิวมะขามเปียก ที่เป็นสูตรบำรุงผิวยอดนิยมตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะมะขามเปียกมีสรรพคุณที่ดีต่อผิวหลายอย่าง ทั้งยังหาได้ง่ายอีกด้วย ถ้าใครอยากรู้แล้วว่ามะขามเปียกนำไปสครับผิวได้ยังไงบ้าง Natural Soap Base ได้รวบรวมมาฝากกันแล้วค่ะ
ชวนมา สครับผิวมะขามเปียก 5 สูตร ผิวสวยด้วยตัวเองได้ที่บ้าน ทำแล้วสวยจนใครๆ ก็ทัก
ใครที่อยากบำรุงผิวแต่ยังไม่เคยสครับผิวต้องบอกว่าพลาดแล้วค่ะ เพราะการสครับผิวคือการขัดผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป ทำให้มีเซลล์ผิวใหม่ที่ดีกว่าเดิม และยังทำให้ครีมบำรุงที่เราทาอยู่ทุกวันสามารถซึมลึกเข้าสู่ผิวหนังชั้นในได้ง่ายขึ้นด้วย การสครับผิวจึงมีประโยชน์ต่อการบำรุงผิวพรรณอย่างมาก ซึ่งสครับผิวมะขามเปียกนี้ จะช่วยทำให้มีผิวขาวกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติเพราะในมะขาม สรรพคุณ ผิว จะมีกรด AHA (Alpha hydroxyl acids) ที่มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว ทำให้ผิวมีความกระจ่างใสกว่าเดิม นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินที่ดีต่อผิวอีกหลายชนิด จึงทำให้มะขามเปียก สรรพคุณช่วยขัดผิวและบำรุงผิวไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งช่วยลดความหมองคล้ำ ทั้งรอยดำ ฝ้า กระ ให้แลดูจางลงได้ด้วย จึงทำให้มะขามเปียกเป็นผลไม้บำรุงผิวยอดฮิตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มาดูกันเลยค่ะว่ามีสูตรสครับอะไรกันบ้าง?
1. มะขามเปียกผสมน้ำผึ้งและนมสด
สูตรสครับผิวมะขามเปียกสูตรแรกนี้ จะได้กรด AHA จากมะขามเปียก สรรพคุณช่วยเพิ่มความขาวใสให้กับผิวได้ และมีน้ำผึ้งกับนมสดช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นด้วย ซึ่งเป็นสูตรที่ได้รับความนิยมสุดเลยก็ว่าได้ เพราะโดยปกติแล้วการสครับผิวด้วยมะขามเปียกอาจทำให้รู้สึกแสบผิวหรือทำให้ผิวแห้งได้จากความเป็นกรดอ่อนๆ ในมะขามเปียก ดังนั้น การเติมน้ำผึ้งและนมสดจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ จึงทำให้ผิวเนียนนุ่มขึ้นพร้อมกับความกระจ่างใส และช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ด้วย
สิ่งที่ต้องเตรียม
- มะขามเปียก
- น้ำอุ่น
- นมสด
- น้ำผึ้ง
วิธีการทำ
- นำมะขามเปียกมาปั่นกับน้ำอุ่นโดยให้เหลือกากไว้อยู่
- ผสมน้ำผึ้งกับนมลงไปในมะขามเปียกที่ปั่นแล้ว
- นำมาสครับผิวให้ทั่วทั้งตัวโดยถูวนเป็นวงกลม แล้วพอกทิ้งไว้ 5 -10 นาที
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
2. มะขามเปียกผสมไพลและโยเกิร์ต
ใครที่อยากให้ผิวขาวใสและมีปัญหาจุดด่างดำ ต้องใช้สครับผิวมะขามเปียกสูตรนี้เลยค่ะ เพราะส่วนผสมทั้งหมดนี้ล้วนมีสรรพคุณช่วยทำให้ผิวขาวใสได้โดยใช้เวลาไม่นาน และไพล สรรคุณ ผิวหน้า สามารถช่วยลดรอยจุดด่างดำต่างๆ ได้อีกด้วย และโยเกิร์ตจะช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี ส่วนผสมทุกอย่างในสูตรนี้จะช่วยปรับสีผิวให้ขาวสม่ำเสมอเท่ากันทั้งตัวโดยเน้นขัดในบริเวณที่ต้องการให้ขาวเป็นพิเศษก็ได้ เช่น รักแร้ ข้อศอก หัวเข่า เป็นต้น ทำสูตรสครับนี้สัปดาห์ละ 2 ครั้งต่อเนื่องประมาณ 1 เดือนก็เริ่มเห็นผลเรื่องความขาวใสแล้วค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียม
- มะขามเปียก
- ไพลรูปแบบผง
- โยเกิร์ต
วิธีการทำ
- นำมะขามเปียกมาผสมกับไพลรูปแบบผงแล้วเทโยเกิร์ตตามลงไป
- ขยำส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันแล้วนำมาสครับผิวให้ทั่วทั้งตัว และพอกทิ้งไว้ 10 – 15 นาที
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ชวนแวะช้อปกับ Natural Soap Base :
หากคุณกำลังมองหา “สารสกัดมะขาม” ที่ใช้ได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล ลองแวะมาชม มาเลือกซื้อสินค้าของเรากันได้ที่นี่เลยค่ะ
สารสกัด – สารสกัดมะขาม
3. มะขามเปียกผสมกับใบบัวบก
สครับผิวมะขามเปียกสูตรนี้ นอกจากจะได้ความขาวใสจากกรดของมะขามแล้ว ใบบัวบกก็มีสรรพคุณที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงได้อย่างดีเลยค่ะ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวอ่อนแอ แพ้ง่าย ช่วยทำให้ผิวมีภูมิต้านทานต่อมลภาวะต่างๆ มากยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยลดรอยแดง รอยดำ และลดริ้วรอยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวได้ด้วยค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียม
- มะขามเปียก
- น้ำใบบัวบกคั้นสด
วิธีการทำ
- นำมะขามเปียกมาละลายกับน้ำใบบัวบกคั้นสดจนเป็นเนื้อเดียวกัน ให้มีลักษณะเหลวข้น
- สครับผิวด้วยส่วนผสมที่ได้ให้ทั่วแล้วพอกทิ้งไว้ 10 – 20 นาที
- ล้างออกให้สะอาด
ชวนแวะช้อปกับ Natural Soap Base :
หากคุณกำลังมองหา “ผงสมุนไพร มะขามป้อม” ที่ใช้ได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล ลองแวะมาชม มาเลือกซื้อสินค้าของเรากันได้ที่นี่เลยค่ะ
ผงสมุนไพร – มะขามป้อม
4. มะขามเปียกผสมกากกาแฟ
ใครที่มีกากกาแฟเหลือใช้อย่าเพิ่งทิ้งนะคะ เพราะกากกาแฟสามารถนำมาทำเป็นสครับขัดผิวร่วมกับมะขามเปียกได้ ซึ่งกาแฟจะช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม มีความชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง ส่วนมะขามเปียก สรรพคุณจะช่วยเรื่องความขาวและลดริ้วรอยต่างๆ ทั้งรอยแตก ผิวหยาบกร้าน รวมทั้งช่วยขจัดเซลลูไลต์ได้ด้วย แต่ควรจะเลือกใช้เป็นกากกาแฟที่บดละเอียด จะได้ไม่บาดผิวค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียม
- มะขามเปียก
- กากกาแฟบดละเอียด
วิธีการทำ
- นำมะขามเปียกมาผสมกับน้ำอุ่นให้เป็นเนื้อเหลว
- ผสมกากกาแฟลงไป คนให้เข้ากันแล้วนำมาสครับให้ทั่วทั้งตัวและใบหน้า พอกไว้ประมาณ 15 – 20 นาที
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
5. มะขามเปียกผสมโยเกิร์ตและข้าวโอ๊ต
ใครที่อยากให้ผิวเนียนนุ่มขั้นสุดต้องใช้สูตรสครับผิวมะขามเปียกสูตรนี้เลยค่ะ เพราะข้าวโอ๊ตสามารถใช้เป็นสครับได้โดยไม่ทำให้บาดผิว และยังมีสรรพคุณช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ส่วนโยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อผิว ช่วยลดความหมองคล้ำได้ดี และช่วยปรับสมดุลความมันของผิวหน้าได้ ซึ่งส่วนผสมทุกอย่างนี้ล้วนดีต่อผิวในการช่วยเพิ่มความขาวกระจ่างใสและยังช่วยลดริ้วรอยได้ดีเลยค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียม
- มะขามเปียก
- ข้าวโอ๊ต
- โยเกิร์ต
วิธีการทำ
- นำมะขามเปียก โยเกิร์ต และข้าวโอ๊ตผสมเข้าด้วยกัน
- นำเนื้อสครับที่ได้มาถูวนให้ทั่วโดยเน้นจุดที่ต้องการเพิ่มความเนียนนุ่ม พอกทิ้งไว้ 15 – 20 นาที
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ชวนแวะช้อปกับ Natural Soap Base :
หากคุณกำลังมองหา “ผงสมุนไพร มะขาม” ที่ใช้ได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล ลองแวะมาชม มาเลือกซื้อสินค้าของเรากันได้ที่นี่เลยค่ะ
ผงสมุนไพร – มะขาม
ข้อควรระวังในการใช้ สครับผิวมะขามเปียก
ด้วยความที่มะขามเปียกมีความเป็นกรดอ่อนๆ จึงไม่ควรทำเกินสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพราะอาจทำให้ผิวบางได้ หลังทำการสครับเสร็จควรทาครีมบำรุงผิวและทาครีมกันแดดด้วย เพราะการผลัดเซลล์ผิวจะทำให้ผิวคล้ำได้ง่ายมากในช่วงหลังจากทำ 1 – 2 วันแรก และเพื่อช่วยทำให้ผิวขาวใสในระยะยาว ทั้งนี้ วิธีสครับผิวด้วยมะขามเปียกนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายเพราะอาจทำให้มีอาการระคายเคืองได้
การสครับผิวคือขั้นตอนในการบำรุงผิวอย่างหนึ่งที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไป และต้องทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจึงจะเห็นผลชัดเจน ทั้งนี้ กรด AHA ในมะขามเป็นกรดที่มาจากธรรมชาติจึงดีต่อผิวและไม่ทำร้ายผิวเท่ากับกรดที่มาจากสารเคมี และยังมีราคาไม่แพงอีกด้วย สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวทั้งใบหน้าและลำตัว โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ รับรองว่าจะได้ผิวขาวใสจนใครๆ ก็ต้องขอเคล็ดลับเลยค่ะ
“มองหา เบสสบู่ สินค้าเกี่ยวกับสบู่ อุปกรณ์ทำสบู่ สนใจผลิตสบู่ ทำ OEM, ODM ลองทักมาคุยกับเราได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ”
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : beautifulhameshablog.com, medicalnewstoday.com, webmd.com
Featured Image Credit : freepik.com/jcomp