สำหรับคนที่รักกลิ่นหอม จะต้องชื่นชอบน้ำหอมอย่างแน่นอน และน้ำหอมที่มีขายในท้องตลาดนั้นก็มีมากมายหลายกลิ่นให้เลือก แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถ ทำน้ำหอมใช้เอง ได้ เพื่อสามารถเลือกกลิ่นที่เราชอบได้ทั้งหมด แถมยังไม่ต้องกังวลในเรื่องของคุณภาพ หรือตรวจสอบเลข อย ให้ยุ่งยากเพราะกลัวว่าน้ำหอมที่ซื้อมาจะไม่มี อย อีกด้วย หากคุณต้องการทำน้ำหอมให้มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง หรือกำลังมองหาไอเดียของขวัญทำเองที่ไม่ซ้ำใคร เรามาสนุกกับการสร้างกลิ่นของคุณเองด้วยวิธีทำน้ำหอม ที่ Natural Soap Base เอามาแนะนำกันดีกว่าค่ะ
ทำน้ำหอมใช้เอง ทำยังไง ? มาทำน้ำหอมกลิ่นใหม่ของตัวเองกัน !
ก่อนที่เราจะไปทำน้ำหอมใช้เองนั้น เราต้องรู้จักสิ่งที่เรียกว่าโน้ตของน้ำหอมกันก่อน ซึ่งโน้ตจะเป็นตัวบ่งบอกกลิ่นระดับต่างๆ จากส่วนผสมในน้ำหอม เมื่อคุณฉีดน้ำหอมลงบนผิวของคุณ กลิ่นของน้ำหอมจะแบ่งระดับได้ดังนี้
1. Top notes
ท็อปโน้ตคือสิ่งที่คุณจะได้กลิ่นก่อนเป็นกลิ่นแรกหลังจากฉีดน้ำหอม และจางหายไปก่อนเช่นกัน โดยปกติกลิ่นจะหายไปราวๆ 10 ถึง 15 นาที ท็อปโน้ตยอดนิยม ได้แก่ โหระพา มะกรูด เกรปฟรุ๊ต ลาเวนเดอร์ มะนาว เลมอน มิ้นต์ โรสแมรี่ และส้มหวาน
ชวนแวะช้อปกับ Natural Soap Base :
หากคุณกำลังมองหา “น้ำหอมลาเวนเดอร์” ที่ใช้ได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล ลองแวะมาชม มาเลือกซื้อสินค้าของเรากันได้ที่นี่เลยค่ะ
น้ำหอม – ลาเวนเดอร์
2. Middle notes
มิดเดิ้ลโน้ต หรือกลิ่นกลาง จะปรากฏขึ้นเมื่อท็อปโน้ตจางหายไป สิ่งเหล่านี้คือแก่นของน้ำหอม และเป็นตัวกำหนดว่าน้ำหอมเป็นโทนไหน เช่น โทนวู้ดดี้ เฟรช ฟรุตตี้หรือฟลอรัล มิดเดิ้ลโน้ตยอดนิยม ได้แก่ พริกไทยดำ กระวาน ดอกคาโมไมล์ อบเชย กานพลู ต้นสน มะลิ ตะไคร้ ลูกจันทน์เทศ กุหลาบ และกระดังงา
ชวนแวะช้อปกับ Natural Soap Base :
หากคุณกำลังมองหา “น้ำหอมกุหลาบ” ที่ใช้ได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล ลองแวะมาชม มาเลือกซื้อสินค้าของเรากันได้ที่นี่เลยค่ะ
น้ำหอม – กุหลาบ
3. Base notes
เบสโน้ต จะช่วยเน้นและส่งเสริมกลิ่นกลางของน้ำหอมหรือที่เรียกว่าธีมของน้ำหอม เป็นฐานของกลิ่นน้ำหอม ทำให้กลิ่นติดทนนาน 4 – 5 ชั่วโมงบนผิวของคุณ เบสโน้ตยอดนิยม ได้แก่ ไม้ซีดาร์ ขิง ต้นสน ไม้จันทน์ วานิลลา มัสก์ และหญ้าแฝก
ชวนแวะช้อปกับ Natural Soap Base :
หากคุณกำลังมองหา “น้ำหอมวานิลลา” ที่ใช้ได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล ลองแวะมาชม มาเลือกซื้อสินค้าของเรากันได้ที่นี่เลยค่ะ
น้ำหอม – วนิลา
สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำน้ำหอมใช้เอง
ก่อนที่คุณจะทำน้ำหอมใช้เองนั้น หลังจากที่รู้จักโน้ตของกลิ่นต่างๆ แล้ว ให้เลือกกลิ่นที่คุณชอบ เพราะผู้หญิงประมาณ 90% รู้สึกมั่นใจเมื่อได้ฉีดน้ำหอมบนร่างกาย เพื่อสร้างน้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง คุณสามารถรังสรรค์กลิ่นที่ชอบได้เลย โดยมีหลักเกณฑ์คือ เมื่อผสมน้ำหอม ขั้นแรกให้เพิ่มเบสโน้ต จากนั้นตามด้วยมิดเดิ้ลโน้ต และปิดท้ายด้วยท็อปโน้ตที่คุณเลือก โดยอัตราส่วนที่เหมาะที่สุดสำหรับการเบลนด์โน้ตคือ ท็อปโน้ต 30% มิดเดิลโน้ต 50% และเบสโน้ต 20% ซึ่งนักปรุงน้ำหอมบางคนแนะนำให้ผสมกลิ่นโน้ตที่โดดเด่นสูงสุด 3 ถึง 4 ตัว ด้วยกัน
นอกจากนี้ กระบวนการทำน้ำหอมใช้เอง จะเริ่มต้นด้วยน้ำมันตัวพา โดยตัวเลือกยอดนิยมได้แก่ โจโจ้บา สวีทอัลมอนด์ และน้ำมันเมล็ดองุ่น และสุดท้าย จะต้องเพิ่มตัวช่วยผสานส่วนผสมเข้าด้วยกัน และแอลกอฮอล์เป็นตัวเลือกยอดนิยมเพราะระเหยได้อย่างรวดเร็วและช่วยกระจายกลิ่นของน้ำหอมได้ ที่นิยมคือ วอดก้า 40 – 50% หรือแอลกอฮอล์เอทานอล 80% หรือสามารถใช้ขี้ผึ้งละลายได้หากต้องการน้ำหอมที่เป็นของแข็ง
ชวนแวะช้อปกับ Natural Soap Base :
หากคุณกำลังมองหา “น้ำมันโจโจ้บา” ที่ใช้ได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล ลองแวะมาชม มาเลือกซื้อสินค้าของเรากันได้ที่นี่เลยค่ะ
น้ำมัน – น้ำมันโจโจ้บา
วิธีทำน้ำหอมอย่างง่ายๆ ทำได้เองที่บ้าน
การทำน้ำหอมใช้เองที่บ้านเป็นหนึ่งในเคล็ดลับการประหยัดเงินที่ดี เพราะวัตถุดิบบางอย่างก็สามารถหาได้ในบ้านของคุณ ทั้งยังช่วยให้คุณได้กลิ่นน้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองอีกด้วย เรามาดูวิธีทำกันเลย
สิ่งที่ต้องเตรียม
- โน้ตน้ำหอมที่ต้องการ 3 – 4 กลิ่น
- น้ำมันตัวพา ½ ออนซ์
- น้ำมันหอมระเหย ขึ้นอยู่กับกลิ่นที่คุณต้องการ 6 – 7 หยดสำหรับท็อปโน้ต และอย่างละ 7 หยดสำหรับเบสโน้ตและมิดเดิ้ลโน้ต
- แอลกอฮอล์ 2 ½ ออนซ์
- น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ หรือกลีเซอรีน 5 หยด
- ตัวกรองกาแฟ
- ขวดแก้วสีเข้ม ที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วหากเป็นวัสดุรีไซเคิล จำนวน 2 ขวด
ขั้นตอนการทำน้ำหอมใช้เอง
- เทน้ำมันตัวพาลงในขวด
- รวมน้ำมันหอมระเหยเข้ากับกลิ่น โดยค่อยๆ เติมเบสโน้ตทีละหยด จากนั้นตามด้วยมิดเดิ้ลโน้ต และท็อปโน้ตจะใส่ท้ายสุด โดยอัตราส่วนที่เหมาะสมคือ 20% 50% และ 30% ตามลำดับ
- เทแอลกอฮอล์ลงไปเพื่อช่วยผสานส่วนผสมและกระจายกลิ่น
- เขย่าขวดแรงๆ ประมาณ 60 วินาทีเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันดี
- ปิดฝาขวด แล้วปล่อยทิ้งไว้อย่างน้อย 2 วันในที่มืดและเย็น หรือทิ้งไว้ 4 – 6 สัปดาห์เพื่อให้แน่ใจว่ากลิ่นโน้ตต่างๆ ผสมผสานเข้ากันดี
หลังจากที่น้ำหอมถูกบ่มตามระยะเวลาที่ต้องการแล้ว ให้ดมน้ำหอมอีกครั้งเนื่องจากกระบวนการบ่มอาจทำให้กลิ่นเปลี่ยนไป หากเป็นกรณีนี้ ให้เติมโน้ตกลิ่นที่ต้องการอีก 2 – 3 หยด เมื่อคุณพอใจกับกลิ่นของน้ำหอมแล้ว ให้เจือจางน้ำหอมด้วยการเติมน้ำกลั่น 2 ช้อนโต๊ะ หรือกลีเซอรีน 5 หยดเพื่อรักษากลิ่นหอมเอาไว้ หากกลิ่นหอมแรงเกินไป สามารถเติมน้ำเพิ่มเพื่อเจือจางกลิ่นได้ จากนั้นใช้กรวยและที่กรองกาแฟ เทน้ำหอมลงในขวดแก้วที่สะอาดอีกใบ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแผ่นกรองได้กรองเศษต่างๆ ที่เกิดจากกระบวนการบ่มออกจนหมด เพียงเท่านี้ก็จะได้น้ำหอมไว้ใช้เอง แถมยังมีกลิ่นเฉพาะตัวอีกด้วย
ข้อควรระวัง
- อย่าผสมกลิ่นที่มากจนเกินไป ลองดมกลิ่นแต่ละกลิ่นและพิจารณาว่าส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันได้ดีหรือไม่ เพราะการมีโน้ตมากเกินไปอาจทำลายกลิ่นหอมได้
- ในการทำความสะอาดภาชนะขวดแก้ว ให้ล้างด้วยน้ำร้อนจัด จากนั้นวางลงในถาดสำหรับอบ แล้วอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 110 องศาเซลเซียส เพื่อทำการฆ่าเชื้อโรค
จะเห็นว่าการทำน้ำหอมใช้เองนั้นไม่ได้ยุ่งยากเลย แค่เพียงเข้าใจในเรื่องของส่วนผสม กลิ่น และวิธีทำน้ำหอมอย่างถูกต้อง เพียงเท่านี้ก็จะสามารถรังสรรค์กลิ่นที่คุณโปรดปราน และสร้างกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนถึงบุคลิกและสไตล์ของคุณได้ หลังจากที่ทาน้ำมันมะกอก สรรพคุณบำรุงผิวกายแล้ว ลองตามด้วยการฉีดน้ำหอมที่คุณทำเอง เพื่อเพิ่มความหอมยาวนานตลอดวัน ซึ่งน้ำหอมทำเองนั้น ไม่ว่าจะทำใช้เองก็ดี หรือทำให้เป็นของขวัญ คนรับก็ถูกใจอย่างแน่นอน
“มองหา เบสสบู่ สินค้าเกี่ยวกับสบู่ อุปกรณ์ทำสบู่ สนใจผลิตสบู่ ทำ OEM, ODM ลองทักมาคุยกับเราได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ”
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : sciencenotes.org, wikihow.com, scrapality.com
Featured Image Credit : freepik.com